เล่าเรื่องพระขุนแผนยอดขุนพล พิมพ์โบราณ
1.เนื้อพระธาตุพระสีวลีขาวเทา สร้างเมื่อปี 2557 จำนวน 108 องค์ เหลืออยู่่ 18 องค์ แบ่งออกให้เช่า 10 องค์
2.เนื้อขมิ้นอาพัดดินจอมเขา(ดินเหลือง) สร้างเมื่อปี 2559 จำนวน 500 องค์ เหลืออยู่ 29 องค์ แบ่งออกให้เช่า 20 องค์
3.เนื้อว่านร้อยแปดมหานิล(สีดำ) สร้างเมื่อต้นปี 2560 จำนวน 500 องค์ แบ่งออกมาแจกทหารไปส่วนหนึ่ง เหลืออยู่ 150 องค์ แบ่งออกให้เช่า 100 องค์
ความเป็นมาของพระขุนแผนยอดขุนพล พิมพ์โบราณ 
ครั้งนั้น กำลังสวดมนต์ไหว้พระบูชาเทวดาตามปกติซึ่งเป็นการประกอบกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งของ โหรฯรพีนาถ เทพเวทิน หลังจากสวดมนต์เสร็จก็ทำสมาธิต่อไปอีกนิดหน่อย เมื่อจิตเริ่มดิ่งลึกลงสู่สมาธิระดับลึกลงเรื่อยๆจนถึงระดับหนึ่งตามที่ตั้งใจไว้แล้วก็คลายสมาธิออกมาอยู่ที่ระดับอุปจารสมาธิไปเรื่อยๆ ก็ให้บังเกิดเห็นว่ามีท่านผู้เป็นใหญ่ในบ้านเมืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาท่านหนึ่งที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับเมืองพิษณุโลกในสมัยนั้น ท่านมานิมิตให้เห็นพร้อมกับบริวารของท่านที่ดูเหมือนจะเป็นคนถือศีลครองธรรมอีกท่านหนึ่ง แล้วท่านผู้เป็นใหญ่ที่มาให้เห็นในนิมิตนั้นก็หันไปมองที่บริวารใส่ชุดขาวคนนั้น คนใส่ชุดขาวที่เป็นบริวารท่านนั้นก็เหมือนจะรับรู้กันอยู่แล้ว จึงพยักหน้าอย่างนอบน้อมแล้วจึงเดินมาแล้วเอาของบางอย่างส่งมาให้ จึงได้ประณมมือไหว้ขอบคุณท่านทั้งสอง แล้วจึงยื่นมือรับไว้ พอเอามาพิศดูอีกทีว่าของนั้นคืออะไร ในนิมิตคือพิศดูอยู่แล้วเห็นว่าเป็นพระเครื่องอย่างหนึ่งที่มีลักษณะดูมีตบะ แต่เป็นแบบของโบราณที่มีลวดลายมิใคร่จะละเอียดสักเท่าใดนัก ก็คิดจะถามแก่ท่านทั้งสองที่เป็นผู้หยิบยื่นพระเครื่ององค์นี้ให้ว่า พระองค์นี้คือพระอะไร ก็ปรากฎว่าท่านทั้งสองก็ไม่อยู่แล้ว จึงได้กำหนดจิตถามว่า ท่านพอจะบอกฉันได้ไหมว่าพระเครื่ององค์นี้เรียกว่าพระอะไร ก็มีคำตอบสะท้อนสะท้านกังวาลแบบที่ว่า เสียงไม่แหบพร่า ไม่แหลมเกินไป ไมม่แตกเครือ แต่เป็นเสียงกังวาลที่ไม่บ่งบอกว่าเป็นเพศหญิงหรือชาย แต่เป็นเสียงกังวาลเสนาะหูยิ่งนัก เสียงนั้นตอบว่า พระขุนแผนยอดขุนพล พอถึงวันรุ่งขึ้นก็จัดการ่างแบบพระตามแบบที่จำมาจากในนิมิต ออกมาเป็นพระที่มีลักษณะไม่คมชัดสักเท่าใดนัก เพราะต้องการทำออกมาให้คล้ายกับภาพที่เห็นในนิมิตมากที่สุด และได้ทำการสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาในวันที่3ตุลาคม ปีพ.ศ.2557 จึงเกิดขึ้นเป็นพระขุนแผนยอดขุนพล พิมพ์โบราณ อย่างที่เห็นในภาพนี้ 
พระขุนแผนยอดขุนพลที่ท่านเห็นนี้มีอยู่ 3 สี คือ สีขาวเทา สีเหลืองอ่อน และ สีดำ แต่ละสีมีความแตกต่างกันก็เพราะสิ่งที่นำมาผสมลงในมวลสารที่ใช้สร้าง ซึ่งพอจะบอกคร่าวๆได้ดังนี้ 
เนื้อพระธาตุพระสีวลีดินขาวดินเทา ก็จะประกอบไปด้วย
ไคลเสมา ไคลพระเจดีย์ ไคลพระโบราณหลายแห่ง ว่านนานาชนิด และที่สำคัญคือ เกิดจากเมื่อตอนที่เอาเครื่องบดมาทำการบดมวลสาร แต่ในขณะที่ลองบดด้วยเครื่องประดิษฐ์จากจานเหล็กที่วิ่งหมุนในถังเหล็กกลม ก็เกิดการสะเทือนจนทำให้ผอบกระเบื้องดินเผาที่ใส่พระธาตุพระสีวลีส่วนที่แยกออกมาจากองค์เดิมนั้นร่วงลงไปในเครื่องบดจนแตกละเอียดสรุปคือ ตั้งใจว่าถ้าเทวดาที่รักษาพระธาตุพระสีวลีอยากร่วมบุญก็จะใส่ผงพระธาตุลงไปด้วย ซึ่งพระธาตุชุดนี้เคยมีประสบการณ์แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เคยมีการแตกหน่อเพิ่มจำนวนเท่าเมล็ดผักชีได้เอง พอแบ่งให้เจ้าของเฟสชื่อธนกฤต จันทร์คง เอาไปบูชา4เม็ด ก็ปรากฎว่าส่วนที่เขาเอาไปบูชานั้นก็งอกเพิ่มขึ้นเป็น8เม็ด มีเม็ดเล็ก1เม็ด ซึ่งเป็นเม็ดที่ทุกคนจำได้ว่าเสด็จมาเองแน่นอน เพราะตอนที่รับเอาไปมีแต่เม็ดเท่าเมล็ดผักชีทั้งหมด พระธาตุส่วนที่แตกหน่อออกมานี้เอง คือส่วนที่ผสมอยู่ในเนื้อมวลสารที่เป็นเนื้อพระธาตดินขาวคือพระองค์สีขาวเทา 
ส่วนเนื้อดินจอมเขา(ดินเหลือง)ก็เป็นเนื้อมวลสารที่ผสมด้วยหัวขมิ้นกลายเป็นหิน ผงขมิ้นสรงสนานเทวรูป ดินจากโคมุขที่อินเดีย คตหอย(หอยเป็นหิน) ผงเขี้ยวเสือ ผงเขี้ยวหมูตัน ประคำกระดูกช้าง ดินจากท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพฯ ดินจากพนมกุเลนแม่น้ำสหัสลึงค์ในกัมพูชา ผงดินสอ 
ในส่วนของเนื้อว่านร้อยแปดมหานิล(สีดำ) ก็เป็นส่วนผสมของว่านร้อยแปดจำพวก ที่ได้มาจาก สามเณรกฤตยชญ์ อาจารย์อาร์มสำนักหลี่ง่วนตั๋ว และอีกหลายๆท่าน ไคลเสมา ไคลพระเจดีย์ กระเบื้องดินเผาหลังคาพระอุโบสถเก่าจากวัดในจังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งหมดนี้คือที่มาของการสร้างพระขุนแผนยอดขุนพล พิมพ์โบราณที่เห็นในภาพนี้ 
อีกไม่กี่วันก็จะจัดแบ่งระหว่างส่วนที่มอบให้ทหารที่ปกิบัติหน้าที่ทในเขตพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหนึ่ง และให้ผู้คนทั่วไปสามารถเช่าไปบูชาได้ตามความศรัทธาอีกส่วนหนึ่ง

ความคิดเห็น